Jannah Theme License is not validated, Go to the theme options page to validate the license, You need a single license for each domain name.
guest post

pdpa คือ – เราเป็นกลุ่มเพื่อนที่รักการเขียนและแบ่งปันเรื่องราวของเรา เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย และเราต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของเรากับคนทั้งโลก เราหวังว่าเรื่องราวของเราจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ใช้ชีวิตที่ดีที่สุด

เราเป็นกลุ่มเพื่อนที่รักการเขียนและแบ่งปันเรื่องราวของเรา เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย และเราต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของเรากับคนทั้งโลก เราหวังว่าเรื่องราวของเราจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด

เราเริ่มต้นบล็อกนี้เพราะเราหลงใหลเกี่ยวกับประเทศไทยและวัฒนธรรมไทย เราต้องการแบ่งปันความรักของเราที่มีต่อประเทศนี้กับคนทั่วโลก และช่วยให้ผู้อื่นได้สัมผัสกับความงามของประเทศไทยผ่านงานเขียนของเรา ตั้งแต่นั้นมา บล็อกของเราได้กลายเป็นแหล่งข่าวประจำวันและหัวข้อยอดนิยมในประเทศไทย ผู้อ่านของเราไว้วางใจเราในการรายงานอย่างตรงไปตรงมาและเป็นกลางเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ

pdpa คือ, /pdpa-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad,

Table of Contents

Video: Thailand PDPA What Businesses Need to Know

Related Articles

เราเริ่มต้นเว็บไซต์นี้เพราะเรารักประเทศไทยและเราต้องการแบ่งปันความรักของประเทศของเรากับคนทั่วโลก เราคิดว่าประเทศไทยเป็นสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเราต้องการที่จะแสดงให้ผู้คนเห็นว่าสิ่งใดที่ทำให้ที่นี่มีความพิเศษ

เราอัปเดตไซต์ของเราทุกวันด้วยเรื่องราวและรูปภาพใหม่ๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เราคือทีมนักเขียนและนักวิจัยที่กระตือรือร้นและมุ่งมั่นที่จะนำเสนอข่าวสารล่าสุดจากประเทศไทยให้กับคุณ ไม่ว่าจะเป็นข่าวด่วน ข่าวซุบซิบ หรือแค่สิ่งที่น่าสนใจที่เราคิดว่าคุณจะชอบ เราจะโพสต์ไว้ในบล็อกของเราอย่างแน่นอน เราอัปเดตทุกวัน ดังนั้นอย่าลืมกลับมาตรวจสอบบ่อยๆ!

pdpa คือ, 2020-03-04, Thailand PDPA What Businesses Need to Know, https://secureprivacy.ai/ helps businesses comply with global data protection laws such as GDPR, CCPA, LGPD, and more.
This video provides a comprehensive overview of what businesses need to know about Thailand PDPA, which is inspired by the EU’s GDPR., Secure Privacy

,

ยุคนี้เรียกได้ว่าใครมี “ข้อมูล” ที่มากกว่า ก็จะสามารถต่อยอดธุรกิจเพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้ดีกว่า ซึ่งหลาย ๆ องค์กรก็รับรู้ถึงความสำคัญของการเก็บข้อมูลของลูกค้ารวมไปถึงข้อมูลผู้ใช้งานต่าง ๆ บนช่องทางออนไลน์ แต่การขับรถยังมีกฏจราจร การเก็บข้อมูลผู้ใช้งานก็มีกฏหมายมารองรับเช่นกัน หลายคนอาจเคยเห็นผ่าน ๆ ที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA นั่นเอง เพราะในปัจจุบันผู้คนเริ่มแคร์และให้ความสนใจความ Privacy มากขึ้น เพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ทำให้วิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของทุกองค์กรต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ก่อนอื่นมารู้จักกับข้อบังคับ PDPA กัน

Personal Data Protection Act หรือ PDPA คือ เป็น พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็น กฏหมายที่ออกมาคุ้มครองสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การควบคุมไม่ให้องค์กรนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม ด้วยความที่ในปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การครอบครองเบอร์โทรศัพท์โดยการซื้อฐานข้อมูลมาจากที่อื่นและโทรไปหาโดยที่ไม่มีการรับรู้จากเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นั้น หรือการที่เราได้รับโฆษณาบน Social Media จากข้อมูลการใช้งานของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือไม่ได้ยินยอมให้องค์กรเก็บข้อมูล เป็นต้น

ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค โดยข้อบังคับกฎหมาย PDPA จะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติการทำงาน และข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอื่น ๆ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ บันทึกเสียง เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ เพื่อประโยชน์โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

PDPA คือ อะไร ?

PDPA คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกสร้างมาเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคน รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลและนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเสียก่อน

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (Personal Data Protection Act: PDPA) คือกฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาการถูกล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เช่น การซื้อขายข้อมูลเบอร์โทรศัพท์และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม ที่มักพบได้มากในรูปแบบการโทรมาโฆษณา หรือล่อลวง

โดยกฎหมายนี้ได้เริ่มบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รูปถ่าย บัญชีธนาคาร อีเมล ไอดีไลน์ บัญชีผู้ใช้ของเว็บไซต์ ลายนิ้วมือ ประวัติสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถระบุถึงตัวเจ้าของข้อมูลนั้นได้ อาจเป็นได้ทั้งข้อมูลในรูปแบบเอกสาร กระดาษ หนังสือ หรือจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

PDPA พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

PDPA คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562

       PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) เป็นกฎหมายว่าด้วยการให้สิทธิ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สร้างมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และนำไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต โดยกฎหมาย PDPA Thailand (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 และปัจจุบันได้ถูกเลื่อนให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565

     ทุกวันนี้ระบบดิจิทัลหรือระบบเครือข่ายออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว มีหลากหลายช่องทางในการติดต่อสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ มีแพลตฟอร์มมากมายให้เลือกใช้ โดยแต่ละช่องทางที่เราใช้งานก็จะมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเราก่อนเข้าใช้งานด้วย เช่น ชื่อ นามสกุล , Email , เบอร์โทรศัพท์, ที่อยู่ หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ตามแต่ที่เจ้าของช่องทางเรียกขอข้อมูล

       การที่เราจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลใครไป ย่อมพิจารณาว่าให้ใครไปและให้เพราะอะไร? ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะสั่งซื้อของออนไลน์ เราก็ยินยอมที่จะให้ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อ เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการส่งสินค้ามาให้เรา ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเข้าใจได้และยินยอมที่จะให้ไปเพื่อส่งสินค้ามายังเรา  หรือว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราให้ต่อบริษัทเพื่อสมัครเข้าทำงาน

       แต่เราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าข้อมูลที่เราให้ไปนั้น จะใช้เพื่อวัตถุประสงค์นั้นจริงๆ และไม่นำข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้เพื่อผลประโยชน์อื่นใด ที่นอกเหนือความยินยอมของเรา

       PDPA หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่จะบังคับใช้ในประเทศไทยนี้ จะมีบทบาทในการคุ้มครองและให้สิทธิที่เราควรมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเราเองได้ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานของบุคคลหรือนิติบุคคล ในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล, รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล, ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ตาม ซึ่งล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ที่จะต้องปฏิบัติตาม  หากผู้ใดหรือองค์กรใดไม่ปฏิบัติตามย่อมมีบทลงโทษตามกฎหมายตามมา ซึ่งบทลงโทษของ PDPA สำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนั้น มีทั้งโทษทางแพ่ง โทษทางอาญา และโทษทางปกครองด้วย

       ดังนั้น PDPA ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 นี้ ก็นับว่าเป็นกฎหมายที่เราทุกคนควรทราบและตระหนักรู้ถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กร บริษัท ห้างร้าน หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ใช้งาน หรือจะเป็นพนักงานที่ทำงานภายในองค์กรเองก็ตาม   

องค์กรต่าง ๆ จึงได้รับผลกระทบพอสมควรกับการประกาศใช้ PDPA เพื่อเพิ่มมาตรฐานนโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัยและนำไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยิมยอนที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ไว้ และที่สำคัญต้องสอดคล้องต่อ PDPA ด้วย ทำให้กระบวนการทำ PDPA ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักทีเดียว ที่เราจะทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้เป็นจำนวนมาก

       แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลหรือองค์กรต่าง ๆ ก็ยังมีเวลาเพียงพอที่จะเริ่มดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับ PDPA ภายในระยะเวลาที่เหลืออีก 1 ปี โดยถูกเลื่อนให้บังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 (บทความเขียนเมื่อปี 64)พราะกฎหมายฉบับนี้อย่างไรก็จะมีมาบังคับใช้ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลอย่างแน่นอน จึงควรเริ่มทำตั้งแต่เนิ่น ๆ ไว้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะอาจตามมาทางด้านกฎหมาย ซึ่งจะมีผลเสียหายต่อองค์กร หากวันใดวันหนึ่งเกิดมีข้อมูลรั่วไหล หรือเผลอนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้อย่างไม่ถูกต้องแล้ว บุคคลหรือองค์กรที่ไม่ได้ดำเนินการตาม PDPA ไว้ ย่อมเสียหายร้ายแรงกว่าผู้ที่ดำเนินการไว้แล้ว และผู้รับโทษตามกฎหมายก็อาจเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องรับโทษแทนพนักงานเองก็เป็นได้ จึงนับว่าผู้นำองค์กรก็ควรตระหนักและให้ความใส่ใจต่อการทำ PDPA ก่อนถึงวันบังคับใช้เป็นอย่างยิ่ง

ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม แต่จะไม่นับรวมข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว

ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล หรือชื่อเล่น / เลขประจำตัวประชาชน, เลขหนังสือเดินทาง, เลขบัตรประกันสังคม, เลขใบอนุญาตขับขี่, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขบัญชีธนาคาร, เลขบัตรเครดิต (การเก็บเป็นภาพสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรอื่นๆที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวมาย่อมสามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้โดยตัวมันเอง จึงถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล) / ที่อยู่, อีเมล์, เลขโทรศัพท์ / ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address, MAC address, Cookie ID / ข้อมูลทางชีวมิติ (Biometric) เช่น รูปภาพใบหน้า, ลายนิ้วมือ, ฟิล์มเอกซเรย์, ข้อมูลสแกนม่านตา, ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง, ข้อมูลพันธุกรรม / ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์, โฉนดที่ดิน / ข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด, เชื้อชาติ,สัญชาติ, น้ำหนัก, ส่วนสูง, ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location), ข้อมูลการแพทย์, ข้อมูลการศึกษา, ข้อมูลทางการเงิน, ข้อมูลการจ้างงาน / ข้อมูลหมายเลขอ้างอิงที่เก็บไว้ในไมโครฟิล์ม แม้ไม่สามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้ แต่หากใช้ร่วมกับระบบดัชนีข้อมูลอีกระบบหนึ่งก็จะสามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้ / ข้อมูลการประเมินผลการทำงานหรือความเห็นของนายจ้างต่อการทำงานของลูกจ้าง / ข้อมูลบันทึกต่าง ๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคล เช่น log file / ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลส่วนบุคคลอีกประเภท ที่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ให้ความสำคัญและมีบทลงโทษที่รุนแรงด้วยกรณีเกิดการรั่วไหลสู่สาธารณะ คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ได้แก่ ข้อมูล เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพจิต, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลชีวภาพ, ข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

เหตุที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) เป็นข้อมูลที่มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (Personal Data) เพราะหากข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนมีการรั่วไหลไปสู่สาธารณะแล้ว จะเกิดผลเสียที่ร้ายแรงกับผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล(Data Subject)ได้มากกว่าข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ มีผลต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล เช่น สิทธิเสรีภาพในความคิด ความเชื่อทางศาสนา การแสดงออก การชุมนุม สิทธิในชีวิตร่างกาย การอยู่อาศัย การไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการแทรกแซงซึ่งสิทธิเสรีภาพและการเลือกปฏิบัติต่อการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลได้มากกว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลพฤติกรรมทางเพศ เชื่อชาติ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ถ้ารั่วไหลไปแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะนำมาสู่ความเป็นอคติและจะมีผลกระทบต่อชีวิตส่วนบุคคลได้มากกว่าข้อมูลทั่วไปเป็นอย่างมาก

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

PDPA คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรกับบริษัทในยุคนี้ 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังไม่รู้ว่า PDPA คืออะไร? อีกทั้งยังไม่รู้ว่า PDPA จะประกาศใช้ 1 มิถุนายน 2565 นี้

กฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) เป็นพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ให้ถูกจัดเก็บหรือนำไปใช้โดยไม่ได้แจ้งให้เราทราบ และ/หรือได้รับความยินยอมจากเราในฐานะเจ้าของข้อมูลก่อน

ในปัจจุบันบริษัทหรือนักการตลาดอาจได้รับหรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ของลูกค้าหรือผู้ใช้งานได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ การทำธุรกรรมผ่าน Mobile-Banking การขอเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งและ GPS บนมือถือ หรือแม้แต่การเก็บคุกกี้จากการใช้บริการเว็บไซต์ต่าง ๆ

ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการสร้างกฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act: PDPA) หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อให้บริษัท พนักงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งถ้าบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลทันที โดยไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ใช้งาน และ/หรือรวมถึงไม่ได้มีการขอความยินยอมก่อนสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องมีการขอความยินยอม จะกลายเป็นการกรณีที่บริษัทไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม PDPA และอาจมีความผิดได้

ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ PDPA มีอะไรบ้าง?

เมื่อเราเข้าใจว่า PDPA คืออะไร? ทีนี้เราก็มารู้จักกับความหมายและประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลกัน ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) เป็นข้อมูลที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลที่เป็นบุคคลธรรมดาคนๆนึงได้ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม ตัวอย่างข้อมูล

ส่วนบุคคลทั่วไป

  • ชื่อ-นามสกุล 
  • เบอร์โทรศัพท์ อีเมลส่วนตัว ที่อยู่ปัจจุบัน
  • เลขบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขใบอนุญาตขับขี่ 
  • ข้อมูลทางการศึกษา ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางการแพทย์
  • ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน ทะเบียนบ้าน
  • วันเดือนปีเกิด สัญชาติ น้ำหนักส่วนสูง
  • ข้อมูลบนอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ตที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น Username /password,  Cookies IP address,  GPS Location

ถ้าข้อมูลไหนที่ไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้ เช่น ข้อมูลบริษัท จะไม่ถือว่า เป็นไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล และไม่อยู่ภายใต้บังคับตาม​ PDPA เลย  

นอกจากเราจะต้องรู้จักกับข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปแล้ว เรายังต้องรู้จักและระมัดระวังการใช้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนและอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูล ทั้งในแง่ของการทำงาน สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติได้ PDPA จึงกำหนดโทษที่หนักขึ้นหากใช้ข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจรวมถึงโทษอาญา ที่กรรมการต้องติดคุก 

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว คือข้อมูลดังต่อไปนี้ 

  • เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ 
  • ความคิดเห็นทางการเมือง 
  • ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา
  • พฤติกรรมทางเพศ
  • ประวัติอาชญากรรม 
  • ข้อมูลด้านสุขภาพ ความพิการ เช่น โรคประจำตัว การฉีดวัคซีน ใบรับรองแพทย์
  • ข้อมูลสหภาพแรงงาน
  • ข้อมูลพันธุกรรม
  • ข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือ แบบจำลองใบหน้า ข้อมูลม่านตา

ใครต้องอยู่ภายใต้ PDPA บ้าง?

หลังจากรู้จักกับประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เรารวบรวมมาให้แล้ว เราก็มาทำความรู้จักกับผู้ที่หน้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA กันบ้าง 

1. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ Data Subject ก็คือคนที่ข้อมูลส่วนบุคคลชุดนั้นๆ จะชี้มาที่ตัวตนของบุคคลนั้นได้ ซึ่งก็คือตัวเรานั่นเอง ภายใต้ PDPA เจ้าของข้อมูลเป็นผู้ได้รับการปกป้องคุ้มครองและมีสิทธิต่าง ๆ เหนือข้อมูลส่วนบุคคลของตน 

2. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือ Data Controller คือคน บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ  ที่เป็นคนตัดสินใจว่า จะมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอะไร เพื่ออะไร อย่างไร ภายใต้ PDPA ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้มีหน้าที่และความรับผิดหลักที่ต้องปฏิบัติตาม PDPA ให้ครบถ้วน พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่รับข้อมูลจัดส่งสินค้าของลูกค้าที่ CF ของมาเพื่อติดต่อส่งของก็เป็น Data Controller ได้ และบริษัททุกบริษัททันทีที่มีพนักงานคนแรก ที่ต้องใช้ข้อมูลเพื่อจ่ายเงินเดือนก็เป็น Data Controller แล้วทั้งสิ้น

3. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor)

ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือ Data Processor คือ คน บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะทำภายใต้คำสั่ง หรือในนามของ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนตัดสินใจทำการประมวลผลข้อมูลด้วยตัวเอง ตัวอย่างเช่น พี่ๆ messenger ที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคนที่เราต้องการส่ง ของให้เพื่อเอาของไปส่งแทนเรา กรณีนี้พี่ๆ ก็เป็น Data Processor หรือกรณีบริษัทใช้ ระบบ Cloud Service ซึ่งผู้ให้บริการจะเก็บข้อมูลแทนบริษัท ผู้ให้บริการ Cloud ก็เป็น Data Processor

โทษที่คุณอาจเจอ หากไม่ปฎิบัติตาม PDPA

ถึงแม้กฎหมาย PDPA จะเป็นที่พูดถึงกันมาบ้างแล้ว แต่หลายบริษัทอาจจะยังไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน เช่น ยังไม่มีการจัดทำ Privacy Policy หรือยังไม่ได้ขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล หรือยังไม่แต่งตั้ง DPO เป็นต้น การที่บริษัทต่าง ๆ ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนตาม PDPA อาจนำไปสู่โทษ แพ่ง ซึ่งผู้ได้รับความเสียหายได้เงินค่าเสียหายกลับบ้าน พร้อมกับที่อาจได้โบนัสจากศาลเป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษ โทษอาญา ที่อาจนำไปสู่โทษปรับ และกรรมการอาจต้องติดคุก โดยเฉพาะกรณีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว และ โทษปกครอง ที่อาจจะถูกปรับเงินเข้ารัฐได้ง่ายๆ แค่เพราะไม่ทำตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ไม่มี Privacy Policy

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับโทษทางกฎหมาย PDPA ได้ที่

โทษปรับสุดโหด หากคุณยังไม่มี Privacy Policy

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

PDPA คืออะไร? ทำไมถึงเป็นกฎหมายใกล้ตัวที่ทุกคนต้องรู้จักในปี 2565

PDPA (Personal Data Protection Act) คือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 27 พฤษภาคม 2562 และมีผลบังคับใช้บางส่วนแล้วเมื่อ 28 พฤษภาคม 2562 แต่ในปีนี้จะมีการประกาศบังคับใช้กฎหมายทั้งฉบับอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 หลังจากที่มีการเลื่อนบังคับใช้มาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ  ได้เตรียมความพร้อมมากขึ้น

การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือ คุ้มครองบุคคลเพื่อไม่ให้ผู้อื่นนำข้อมูลของเราไปใช้ได้โดยที่เราไม่ยินยอม ซึ่งข้อมูลในที่นี้ จะหมายถึง ข้อมูลทุกอย่างที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ชื่อ-นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, เพศ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, รูปภาพ, ลายนิ้วมือ, ข้อมูลพฤติกรรมของบุคคลนั้น ๆ หรือข้อมูลอื่น ๆ

ความสำคัญของ PDPA พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หลายปีที่ผ่านมา หลายคนอาจมองว่าข้อมูลส่วนบุคคลของเรานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ จะรู้ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, เพศ, อายุ หรือแม้กระทั่งรูปใบหน้าของเรา แต่พอมาเป็นยุคดิจิทัลนี้ ทั้งแบรนด์ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะกว่าเดิมมาก อะไรก็ตามที่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ ข้อมูลเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจหรือผู้ประกอบการนักธุรกิจต่าง ๆ มีความชื่นชอบ และพากันคิดกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลของลูกค้ามา

เพราะธุรกิจสามารถนำข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนที่พอนำมารวม ๆ กันแล้ว ก็กลายเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) นำไปวางแผน คิดกลยุทธ์ทำการตลาด เพื่อทำให้สามารถขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์มือถือหรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ดังนั้น พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจึงเกิดมาเพื่อช่วยคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคทุกคนโดยเฉพาะ 

ถึงแม้ว่าจะมีการพูดถึงกิจกรรมการเก็บข้อมูลในออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แต่กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ครอบคลุมทุกกิจกรรมที่มีการเก็บข้อมูลหรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังเดินทางโดยรถไฟฟ้า ทันใดนั้นเอง สายตาเราก็มองไปเห็นคน ๆ หนึ่งที่เราแอบปิ๊งมาเนิ่นนาน เราจึงแอบถ่ายรูปคน ๆ นั้น แล้วส่งต่อให้กับเพื่อน นี่ก็ถือว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเหมือนกัน 

เพราะแอบถ่ายรูปคนอื่นโดยที่เขาไม่ได้รับความยินยอม แถมยังส่งต่อให้กับผู้อื่นอีก ถ้าเกิดว่าเพื่อนของเรานำรูปคนนั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับบุคคลนั้นได้ ซึ่งในกรณีนี้เราอาจเห็นได้บ่อยครั้งบนโลกโซเชียล ทำให้มีประเด็นคนเดือดร้อนกันมากมาย

หรืออีกหนึ่งกรณี เราอาจเคยถ่ายสำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อไปสมัครสมาชิกหรือองค์กรใดสักแห่งหนึ่ง แต่หลังจากที่พวกเขานำข้อมูลของเราไปใช้แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับสำเนาแผ่นนั้นล่ะ? 

บางองค์กรก็อาจเอาไปทำลายให้เรา แต่กลับกันบางองค์กรก็นำไปชั่งกิโลขายต่อ เช่น เวลาที่เราซื้อกล้วยทอด เราก็อาจเคยเห็นเอกสารสำคัญพวกนั้นตามถุงกล้วยทอดบ้าง ใช่แล้ว นั่นแหละก็เป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลของเราไปใช้หรือนำไปให้คนอื่นเหมือนกัน 

เมื่อคนอื่นมาดูข้อมูลของเรา เขาก็อาจนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีก็ได้ ดังนั้นกฎหมายฉบับนี้จึงไม่ได้อยู่เฉพาะแค่บนโลกดิจิทัลเท่านั้น แต่หมายถึงการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทุกประเภท ทุกวิธีการ แม้แต่ในโลกออฟไลฟ์ด้วยนั่นเอง

ภาพจาก mgronline

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

สอบถามรายละเอียด ติดต่อ

บริษัท เวิลด์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี่ จำกัด

โทร : 02-237-3555

โปรดอ่านเพิ่มเติม ตรวจสอบลิงค์นี้ pdpa คือ…

คำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ pdpa คือ pdpa คือ

ThailandPDPA, PDPA, Data Privacy, Data Protection, Thailand Privacy Law, Thailand cookie law, Thailand privacy compliance PDPA สรุป, กฎหมาย PDPA คือ, pdpa มีอะไรบ้าง, pdpa คืออะไร 2564, pdpa ย่อมาจาก, PDPA ประโยชน์, pdpa ข้อมูลอ่อนไหว มีอะไรบ้าง, ตัวอย่าง การทำ pdpa

.

โดยสรุปแล้ว Thailand Daily News และ Hot News Blog เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย บทความเขียนได้ดีและให้มุมมองที่หลากหลาย บล็อกข่าวเด่นมีประโยชน์อย่างยิ่งเพราะช่วยให้ผู้อ่านส่งเรื่องราวของตนเองได้ ทำให้เป็นทรัพยากรอันมีค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศไทยจากผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น

Trả lời

Email của bạn sẽ không được hiển thị công khai. Các trường bắt buộc được đánh dấu *

Back to top button